ข้อมูลเบื้องต้น
ก่อนอื่นขอย้อนกลับไปสมัยที่เข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นฉันได้พอกับเขาคนนั้น เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้โดนเด่นอะไรมากนัก ส่วนตัวฉันเองเป็นน้องใหม่ เพิ่งเข้าค่อนข้างโดนเด่นในหมู่เด็กใหม่พอสมควร ด้วยนิสัยไม่ค่อยสนใจใครเป็นตัวของตัวเอง ไม่ค่อยชอบสังคมและไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆในห้องเลย จึงเป็นที่จดใจของบรรดารุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย นี่คือความเหย่อหยิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวฉันเอง และด้วยนิสัยนี้จึงทำให้เขาคนนั้นจดจำฉันได้เป็นอย่างดี เรื่องของเราเริ่มต้นตอนวันรับน้องค่ะ ห้องเราไปรับน้องกันที่ชะอำ ในตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด ด้วยความที่ครอบครับเลี้ยงแบบไม่ให้ไปไหน ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนก็เลยตัวสินใจขอที่บ้านว่าต้องเข้าร่วมกิจกรรม ที่บ้านเลยให้ไป เขาคนนั้นก็ได้ด้วยจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้รู้จักกันแบบจิงจัง
พอไปถึงชะอำเราก็ร่วมกิจกรรมตามปกติกะเพื่อนๆที่ไปด้วย รุ่นพี่ก็คุมเข้ม จะว่าสนุกก็คงจะสนุกนะในตอนนั้น แต่สำหรับฉันไม่ค่อยมีเพื่อนความที่มหาลัยเป็นหมาลัยที่ไม่ได้ดังมาก คนไปเรียนส่วนมากก็มาจากต่างจังหวัด ฉันเป็นเด็กกรุงเทพลูกคนจีนขาวหมวยจึงดูค่อนข้างโดดเด่นจากเพื่อนในกลุ่ม จึงเป็นธรรมดาที่รุ่นพี่ผู้ชายบางคนจะสนใจและแอบมาจีบไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากยุ่งด้วยเลย พอเราทำกิจกรรมที่พี่ๆจัดให้เสดหลังอาหารเย็นก็เป็นธรรมดาที่จะมีการตั้งวงดื่มเหล้า เล่นไพ่ ตอนนั้นก็ค่อนข้างจะดึกแล้วฉันเลยเลี่ยงออกมาจากกลุ่มนั้นออกม่เดินเล่นคนเดียวที่ทะเล ในตอนนั้นพี่คนนั้นก็นั่งอยุ่ที่ชายหาดกะเพื่อนรุ่นพี่อีก 2 คน พี่ๆกลุ่นนั้นจึงเรียกฉันไปนั่งเล่นอยุ่ในกลุ่ม คุยกันไปเรื่อยๆรุ่นพี่สาวๆก็ขอตัวไปนอน จึงเหลือแค่ฉันกับพี่กรม พี่เค้าเป็นคนอัธยาสัยดี ดูไม่หื่น ไม่จีบเราเลยคุยกันได้ยาว คืนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้เราสนิทกันเพราะเราคุยกันหลายเรื่องมากๆ พอกลับจากชะอำเราก็แลกเบอร์โทรศัพท์ เพจเจอร์ (555เดาอายุกันได้เลยทีเดียว)ติดต่อกัน ตอนนั้นเราเลิกกะแฟนหลังจากที่กลับมาจากรับน้องได้ไม่นาน ฉันเล่าปัญหาของเราให้พี่กรมฟัง แฟนเจ้าชู้ค่ะ สุดท้ายจับได้แบบคาหนังคาเขา ฉันจึงตัดสินใจเลิก พอเลิกกันคุยกับพี่กรมบ่อยขึ้นเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่กรมจนเราคบกันในตอนนั้นฉันไม่เคยรู้เลยว่าพี่เค้ามีแฟนแล้ว (หลายคนสะด้วยที่สำคัญ)คบกันสักพัก รถไฟก็ชนกัน สุดท้ายฉันเองที่เดินออกมาเอง เราห่างกันไปเองไม่ได้ทะเลาะไม่ได้บอกเลิกต่างคนต่างไปใช้ชีวิตระหว่างนั้นฉันก็มีคบบ้างโสดบ้างตามประสาเด็กมหาลัยจนใกล้จะเรียนจบเราได้มีโอกาศกลับมาคุยกับพี่กรมอีกครั้ง ครั้งนี้เราพัฒนาความสัมพันธ์กันเร็วมาก จนคบกัน ตอนนั้นพี่เค้าก็คบซ้อนหลายคนอยู่ดีแต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนเดิม คบมาเรื่ยยๆจนทำงาน เพราะพี่เค้าชวนเราไปทำงานที่เดียวกันแต่เราก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันสักเท่าไหร่ ช่วงนั้นต่างคนก็ยุ่งเรื่องงานทำได้ไม่นานฉันก็ลาออก ออกมาทำงานกับที่บ้าน เราก็คบกันเหมือนแฟนจนวันนึงฉันตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พอเราคุยกันพี่เค้าก็ไม่เห็นด้วย ด้วยนิสัยที่เราเป็นคนมั่นใจในตัวเองจึงไม่ได้สนใจความคิดเห็นที่พี่เค้าคัดค้านฉันก็ตัดสินใจทำเรื่องไปเรียนต่อแแบบไม่ได้บอก สุดท้ายถึงเวลาที่ฉันเดินทางก็ไม่ได้แม้จะบอกลา ฉันหายไปจากชีวิตพี่เขานานหลายเดือน พี่เค้าพยายามติดต่อโทรมาที่บ้าน ถามครอบครัวฉันแต่ก็ไม่ได้คำตอบ สุดท้ายฉันก็เป็นคนที่ติดต่อกลับไปด้วยความรู้สึกผิดที่อยุ่ในใจมาโดยตลอด หลังจากที่เรากลับมาคุยกันเราก็ติดต่อกันมาตลอด ส่งข่าวถึงกัน ปีนึงผ่านไปฉันกลับเมืองไทยพี่เค้าเป็นคนมารับฉันที่สนามบิน ตอนนั้นพี่เค้าก็ได้งานทำค่อนข้างมั่นคงเงินเดือนค่อนข้างเยอะ การกลับไปเมืองไทยครั้งนั้นทำให้เราได้ใช้เวลาด้วยกันมากกว่าตอนคบกันก่อนที่จะไปต่างประเทศอีก พี่เค้าขอฉันแต่งงาน เรารักกัน แต่ฉันก็ต้องกลับมาเรียนต่อ เราก็ห่างกันอีก จนระยะทางเราทำให้เราห่างกันจิงๆต่างคนต่างมีแฟนใหม่ แต่เราก็คุยกันบ้างเป็นครั้งคราว ทุกๆครั้งที่เราทุกข์หรือสุขที่สุดเราก็จะโทรหากันมันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดเพราะเราคิดถึงกัน....
พอเรียนจบฉันก็ได้งานทำที่ต่างประเทศแต่ก็กลับเมืองไทยเกือบจะทุกปีทุกครั้งที่เรากลับไปเราก็เจอกันเที่ยวด้วยกันตลอดทั้งที่ต่้างคนก็ต่างมีแฟนใหม่ ตอนนั้นเราทั้งคู่ก็ทำผิดต่อคนของตัวเองอยู่ ... แต่ความรู้สึกของเราและพี่เค้าก็ดีมาก มากจนไม่มีใครกล้าจะปฏิเสธอีกฝ่ายนึง จนฉันเลือกกันแฟน ตอนนีั้นก็เป็นช่วงที่แย่ของเราทั้งคู่ ความรักของฉันล้มเหลวแต่ความรักของพี่เค้ากับแฟนดีกันอยุ่ ปัญหาคือ ฉันควรจะทำยังไงกะเรื่องของเรา รอ รอ รอ รอ รอ รอจนกว่าเค้าจะเลิกกัน นี่คือความคิดในใจของฉัน สุดท้ายฉันตรวจเจอว่าฉันเป็นโรคมะเร็ง อาจจะเป็นเวลาที่ฉันต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้าง หนักมากตอนนั้น พี่เค้าเป็นกำลังใจให้ ความรักที่เรามีให้กันมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้ตัวว่าเราทั้งสองคนขาดกันไม่ได้ พี่เค้าก็เริ่มมีปัญหากับแฟนเค้าจนในที่สุดเค้าก็เลิกกัน เรื่องของฉันตอนนี้ยังคงต้องรักษามะเร็งอยู่โดยมีพี่เค้าคอยเป็นกำลังใจให้ สุดท้ายเราก็มีกันและกันถึงแม้ว่าเราจะอยู่กันคนละประเทศแต่เราก็มีกันตลอดเวลา ขอบคุณนะค่ะที่ไม่เคยทิ้งกัน 18ปีที่เรารู้จักกัน คบกัน ห่างกัน มีความสุข มัความทุกข์ ทุกช่วงเวลาและทุกเรื่องราวในชีวิตที่เราทั้งสองคนแชร์กันมาตลอด อยากจะขอบคุณที่มีวันนี้ วันที่ความรักของเราทั้งสองคนยังคงอยุ่ และตอนนี้มันสวยงานและชัดเจนมากขึ้น ขอบคุณกำลังใจที่ทำให้ฉันพร้อมที่จะต่อสู้กับโรคร้ายที่เป็นอยู่ตอนนี้ สัญญาว่าจะสู้กับมันให้ถึงที่สุดและเราจะได้กลับไปอยู่ด้วยกัน (ปล. ฉันรักษาตัวอยู่ต่างประเทศโดยที่พี่เค้าเป็นกำลังใจอยู่ที่เมืองไทยค่ะ ) ขอบคุณอีกครั้งที่เรายังจับมือกันรักกันคิดถึงกันเป็นทุกอย่างในชีวิตของกันและกัน รักพี่นะค่ะ............G&K
ความคิดเห็น